โรคอีสุกอีใส (Chickenpox/Varicella)

สืบสานภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย

โรคอีสุกอีใส (Chickenpox/Varicella) เป็นโรคติดต่อที่มาด้วยอาการไข้ออกผื่น มักระบาดในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน พบมากในเด็กแต่สามารถหายได้เอง โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เมื่อเป็นแล้วมักมีภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต ผู้ป่วยจึงไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก อาการของโรคอีสุกอีใส คือ ผู้ป่วยจะมีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และปวดเมื่อยตัว หลังจากนั้นจะมีผื่นขึ้น ลักษณะตุ่มจะเป็นตุ่มแดง จากนั้นตุ่มแดงจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสและมีอาการคัน โดยตุ่มจะกระจายเริ่มจากที่ใบหน้าไปยังลำตัว แขน ขา อาจมีตุ่มขึ้นในปาก ในคอ ทำให้ปากเปื่อย ลิ้นเปื่อย เจ็บคอ จากนั้นตุ่มน้ำใสก็จะกลายเป็นตุ่มหนอง หลังจากนั้นประมาณ 2-4 วัน ก็จะตกสะเก็ด

สำหรับวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรคอีสุกอีใส คือ เมื่อมีไข้ ผู้ป่วยควรดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หมั่นเช็ดตัวบ่อยๆ พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานยาลดไข้ เช่น ยาเขียวหอม ยาห้าราก ซึ่งหลังรับประทานยาจะมีผื่นเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นการกระทุ้งพิษไข้เพื่อให้หายเร็วขึ้น หากมีอาการคัน ไม่ควรแกะหรือเกาเพราะจะทำให้แผลกลายเป็นหนองและเป็นแผลเป็น อาจบรรเทาอาการคันโดยใช้ยาเขียวหอมละลายน้ำรากผักชีต้มแล้วชโลม หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด อาหารมัน อาหารหมักดองและอาหารทะเล เนื่องจากจะทำให้อาการคันกำเริบมากขึ้น อาการปากเปื่อยให้ใช้น้ำเกลือกลั้วปากและรักษาความสะอาดของช่องปากอย่างสม่ำเสมอ ผู้ป่วยควรหยุดงาน หยุดเรียน เพื่อหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น เนื่องจากโรคนี้สามารถติดต่อได้จากการหายใจและการสัมผัส

โรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายและส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตัวให้ถูกต้องเพื่อช่วยบรรเทาอาการและทำให้หายเร็วขึ้น และควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้อื่นเพื่อป้องกันการติดต่อของโรค

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และบัญชียาหลักแห่งชาติ (บัญชียาจากสมุนไพร)

อ่านต่อ เกร็ดความรู้สุขภาพที่น่าสนใจ